น่าน...ไง ไปมาแล้ว

น่าน...ไง ไปมาแล้ว











"แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง"  นี่คือคำขวัญของ จังหวัดน่าน จังหวัดเล็กๆทางภาพเหนือของไทย
ที่มี ธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่งดงาม น่าไปเยือนยิ่งนัก

ฅ.เดินทาง ทริปนี้เราเดินทางกัน 3วัน 2คืน  เราเริ่มเดินทาง ออกจาก กทม. เวลาประมาณ 21.00 น. ผ่านทาง อยุธยา สระบุรี นครสวรรค์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน  เวลาประมาณ 06.00 น. เราก้เดินทางมาถึง ดอยเสมอดาว จุดมุ่งหมายแรกของเรา






















ดอยเสมอดาว ตั้งอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ดอยเสมอดาว ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน























ที่ดอยเสมอดาว จะมี ผาหัวสิงห์ เป็นจุดที่สามารถชม พระอาทิตย์ขึ้น และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง มีเส้นทาง เดินสำรวจธรรมชาติให้ผู้รักการปีนป่ายและการผจญภัยได้
























หลังจากนั้นเรารับประทานอาหารเช้ากันที่ ผาชู้ ซึ่งอยู่ ไม่ไกลจาก ดอยเสมอดาว
ผาชู้ เป็นสถานที่ ตั้งเสาธงที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ต้องร้องเพลงชาติ 12 จบกว่าจะเชิญธงชาติขึ้นสู่ ยอดเขา ซึ่งสายเสาธงมีความยาวกว่า 200 เมตร




















หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว เราก็เดินทางไปเที่ยวต่อที่ เสาดินนาน้อย ที่ อ. นาน้อย จังหวัด
น่าน























เสาดินนาน้อย หรือ ฮ่อมจ๊อม และคอกเสือ  เป็นเสาดินที่มีลักษณะแปลกตาคล้าย "แพะเมืองผี" ที่จังหวัดแพร่  













































หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวต่อที่ ตัวเมืองน่าน ชมวัดต่างๆ ศาลหลักเมือง และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน

























ตัวเมืองน่านมีวัดและสถานที่ให้ชมมากมาย แต่เนื่องด้วยเวลาเรามีจำกัดจึงทำให้เที่ยวชมได้ไม่มากนัก























และที่พลาดไม่ได้คือ ต้องไปไหว้ พระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำเมืองน่าน 
และ พระธาตุแช่แห้ง ยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิด ของคนเกิดปีเถาะ(กระต่าย)
อีกด้วย แต่เสียดายวันที่เราไปพระธาตุกำลังอยู่ในระหว่างการ บูรณะ จึงไม่ได้ภาพที่สวยงามขององค์พระธาตุ























หลังจากนั้นเรามุ่งหน้าสู่ที่พักของเราคืนนี้คือ อุทยานแห่งชาติขุนน่าน ในอำเภอ บ่อเกลือ

ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลจากตัวเมือง เราไปถึงที่พักของอุทยาน ก็ค่ำแล้วเราจึงทานอาหารแล้วนอนพักผ่อนเอาแรงกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นเช้าไปชมหมอกยามเช้าที่จุดชมวิว อุทยาน























ซึ่งอากาศเย็น หมอกบางๆกับกาแฟร้อนๆช่างเข้ากันดียิ่งนัก















































หลังจากที่ชมความงามธรรมชาติ และทานอาหารเช้าแล้วเราก็เดินทางไปชมบ่อเกลือโบราณ
ใน อ.บ่อเกลือ























โดยปัจจุบันชาวบ้านยังคงต้มแกลือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม จะตักน้ำเกลือจากบ่อส่งผ่านมาตามลำไม้ไผ่สู่บ่อพัก ก่อนจะนำน้ำเกลือมาต้มในกะทะใบบัวขนาดใหญ่เคี่ยวจนน้ำงวดแห้ง 






















หลังจากนั้นเราเดินทางไปต่อที่ ดอยภูคา เพื่อไปชม ดอก ชมพูภูคา
ชมพูภูคาเป็นพรรณไม้ที่มีชนิดเดียวในโลก ในประเทศไทยพบเพียงที่เดียวที่ป่าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งจะ ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม




















หลังจากนั้นเราทานอาหารกันที่ อำเภอปัว ก่อนจะเดินทางไปที่พักของเราคืนนี้ที่ 
อุทยานแห่งชาติ ขุนสถาน โดยเราจองบ้านพักไว้ที่หน่วยจัดการต้นน้ำขุนสถาน
โดยเราซื้อของสดไปจัดการทำอาหารกันเอง เราถึง อุทยานแห่งชาติขุนสถาน
เวลาเย็นๆเราก็จัดการทำอาหารเย็นกัน



















อากาศที่ขุนสถาน กลางคืนหนาวมากครับ หลังจากนอนพัก 
ตอนเช้ามืดเราก็ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้ากัน





































































หลังจากที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าแล้วเราก็ถ่ายรูปเล่นรอบๆที่พัก
ที่ขุนสถานก็มีดอกชมพูภูคาด้วย  และยังมีดอก นางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย
ซึ่งจะบานในช่วงเดือน มกราคม อีกด้วย























หลังจากนั้นเราแวะชมสวน สตอเบอรี่ ที่ขุนสถาน ก่อนเดินทางกลับ กทม.

เพิ่มเติมนิดหน่อย...
น่าน มีที่เที่ยวอีกที่ไม่ควรพลาด เช่น  วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร  วัดภูมินทร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน หอศิลป์ริมน่าน วัดพระธาตุเขาน้อย และควรศึกษาวางแผนการเดินทางให้เหมาะสม จะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทาง ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น