หลวงพระบาง เมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางขุนเขา. และสายน้ำ มรดกโลก แห่งความ
ฅ.เดินทาง ทริปนี้เราใช้เวลา 6 วัน 5 คืน ช่วงเดือนธันวาคม
เราออกจาก กทม. เวลาประมาณ 20.30น. โดยรถโดยสารปรับอากาศ ของบริษัทขนส่ง
วันที่ 1 เราถึง บขส.หนองคาย เวลาประมาณ 05.30 หลังจากทำภาระกิจส่วนตัว ทานอาหารเช้า
แล้วเราก็ขึ้นรถโดยสารระหว่างประเทศเที่ยว เวลา 07.30น. เพื่อเดินทางไปยังเวียงจันท์
เมื่อถึงด่านลาว ปรากฎว่า เพื่อนเรา 1 คนลืมพาสปอร์ต จึงต้องทำบัตรผ่านแดน ทำให้ ไม่ทันรถโดยสารที่เรานั่งไป จึงต้องนั่งรถ ข้ามสะพานไปกัน ไปถึงที่ด่านลาว สอบถามว่า บัตรผ่านแดนไม่สามารถไปหลวงพระบางได้ จึงต้องไปทำเอกสารที่ ด่านลาว เสียค่าบริการ 1000 บาท
ไปครั้งนี้เรานัดรถตู้จากฝั่งลาวให้มารับเราที่ด่านโดยตกลงราคากันที่วันละ 2700 บาท รวมค่าน้ำมัน เป็นเวลา 6 วัน หลังจากที่ เจอรถตู้เราก็มุ่งหน้าถนนสาย 13เข้าสู่วังเวียง คืนนี้เราพักที่วังเวียง 1 คืน ซึ่งวังเวียงเราเคยไปมาแล้ว สามารถชมรีวิว ทริป สบายดี ที่เวียงจันท์ วังเวียง...ที่นี่
วันที่ 2 เราตื่นเช้า ที่วังเวียงทานอาหารเช้า ชมวังเวียงยามเช้า ก่อนเดินทางออกจาก วังเวียงประมาณ 09.00 น.
เส้นทางไปหลวงพระบางนั้นเป็นทางขึ้นลงเขา ถนนคดเคี้ยวมาก ระยะทางจากวังเวียงไปหลวงพระบางประมาณ 260 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชม.
ระหว่างทางจะมีจุดพัก ให้จอดรถพักทานอาหารและชมวิว เราใช้บริการรถเหมา จึงดีตรงที่เราสามารถบอกให้รถบริการจอดแวะตรงไหนก็ได้
เวลาประมาณ 15.30น. เราก็เดินทางมาถึงตัวเมืองหลวงพระบาง เราเข้าพักที่ เรือนพักบุญยิ่ง
เพราะเราไม่ได้จองที่พักไว้ จึงให้พี่คนขับรถแนะนำให้ ค่าห้อง 500บาท/คืน ครับ
หลังจากพักเหนื่อยอาบน้ำ เราก็ไปหาอาหารทาน แล้วไปเดินเล่นตลาดมืด กัน
ตลาดมืดก็คล้ายๆกับถนนคนเดิน ครับ มีของขาย ของฝาก มากมาย
หลังจากเดินเล่นและเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เราจึงไปนอนพักกันแต่หัววันเลย
วันที่ 3 เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อไปใส่บาตรข้าวเหนียวยามเช้า ที่ตัวหลวงพระบาง
อาจเป็นเพราะ ช่วงหน้าหนาว คนจึงค่อนข้างเยอะ
หลังจากใส่บาตรแล้วเราก็เดินเล่นตลาดเช้าที่หลวงพระบาง
และหาร้านกาแฟ และทานอาหารเช้า บรรยากาศ ชิวๆที่หลวงพระบาง และก็ถึงเวลา ชมเมืองหลวงพระบางครับ เราเลือกเช่า จักรยาน ปั่นเล่นรอบๆเมืองครับ
ที่หลวงพระบางจะมีวัดอยู่มากมาย และสามารถปั่นจักรยานชม ได้ทั่วเมือง แต่บางที่จะมีค่าธรรมเนียม ในการเข้าชม เช่น พระราชวังหลางพระบาง จะมีค่าธรรมเนียมเข้าชมประมาณ 120บาท/คน และด้านในห้ามถ่ายภาพครับ
และมีวัดเยอะมาก จนบางทีจำชื่อไม่ค่อยได้
แต่จะมีวัดที่ สำคัญ ไม่ควรพลาดคือ วัดเชียงทอง ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญและสวยงามที่สุด และสำคัญที่สุดของหลวงพระบาง
องค์พระธาตุหมากโม วัดวิชุนราช
พระธาตุพูสี
หลังจากชมจนครบแล้วเราก็ทานอาหารกลางวัน ก่อนจะให้รถมารับ เพื่อไปชม ถ้าติ่ง
เวลาประมาณ 14.00น. เราก็ถึงท่าเรือถ้ำติ่งครับ และก็ต้องลงเรือไปต่อ
ถ้ำติ่ง ประกอบไปด้วย 2 ถ้ำ แยกขวาไปถ้ำลุ่ม (ล่าง) แยกซ้ายไปถ้ำเทิง (บน)
หลังจากออกจากถ้ำติ่ง เราก็แวะ เที่ยวบ้านซ่างไห (หมู่บ้านต้มเหล้า)
มีของฝากมากมาย ที่สำคัญ งูดองเหล้าแอบ สยองนิดหน่อย
และเราก็แวะชมพระอาทิตย์ตกที่ สันติเจดีย์ที่วัดโพนเพา ในตัวเมืองหลวงพระบาง
และกลับมาทานอาหารเย็น และสังสรรค์ประสาคนเดินทาง
วันที่ 4 เช้าวันนี้ บางคนก็นอนพักผ่อน บางคนก็ตื่นเช้า เพื่ออกไปถ่ายภาพวิถีชีวิตยามเช้าที่หลวงพระบางครับ
หลังจากทานอาหารเช้าแล้วเราก็นัดรถมารับไปเที่ยว น้ำตก
น้ำตกที่แรกที่เราไปคือ น้ำตกตาดแซ่ รถมาส่งเราที่ท่าเรือ และต้องลงเรือต่อไปที่น้ำตก
และไปต่อที่น้ำตกตาดกวางสี และเราทานอาหารกลางวันกันที่นี่ครับ
เราโดดเล่นน้ำกันที่นี่ น้ำเย็นมากกก
ก่อนที่เราจะกลับไปชมพระอาทิตย์ตก ที่ พระธาตพูสี
ก่อนจะทานอาหารเย็นและกลับมานอนพักผ่อนครับ
วันที่ 5 เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อเดินทางกลับ เราออกจาก หลวงพระบางประมาณ 08.00น.มุ่งยาวสู่เวียงจันท์
เราถึงเวียงจันทร์ประมาณ 17.00 น. ก่อนจะข้ามด่านกลับฝั่งไทย และนั่งรถกลับ กทม. เที่ยวเวลา 19.30 น. โดยสวัสดิภาพ....
เพิ่มเติมนิดหน่อย...
เส้นทางไปหลางพระทาง ถนน ขึ้นลงเขาและคดเคี้ยวมาก ควรเตรียมยาแก้เมารถติดตัวไปด้วย
ที่หลวงพระบาง ใช้เงินบาทได้ครับ แต่ต้องคำนวนดีๆบางอย่างใช้เงินบาทซื้อจะถูกกว่า แต่บางอย่างใช้ เงินกีบซื้อจะถูกกว่า อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 250กีบ/1บาท